20 สถานที่เที่ยวห้ามพลาดรอบประเทศไอซ์แลนด์
- Admin
- Mar 31, 2016
- 2 min read
สำหรับเพื่อนๆที่เดินทางตะลุยดินแดนวงแหวนแห่งภูเขาไฟและแสงเหนือ อย่างประเทศไอซ์แลนด์ทั้งที ก็ไม่ควรพลาดกับสถานที่ท่องเที่ยวสุดอัศจรรย์ ทั้ง 20 แห่ง ต่อไปนี้ครับ


Hallgrímskirkja ชื่อโบสถ์อาจจะอ่านยากสักหน่อยนะครับ อ่านว่า “ฮัลล์กรีมสคิร์คยา” เป็นโบสถ์ที่ใหญ่ที่สุดในไอซ์แลนด์ รูปทรงแปลกตาแบบนี้ จึงเป็นจุดเด่นและกลายเป็นสัญลักษณ์ของไอซ์แลนด์ สไตล์ของโบสถ์เป็นแบบโกธิคผสมผสานกับรูปทรงของแท่งหินลาวา ไหนๆมาเยี่ยมชมแล้ว ก็ควรต้องขึ้นไปบนยอดโบสถ์สักหน่อยครับ เพราะว่าเราจะเห็นวิวพาโนรามาของเมืองหลวงแห่งนี้แบบสุดลูกหูลูกตาเลยทีเดียว

Hellnar
เป็นจุดแรกที่ผมได้ขับรถบ้านมาจอดนอน ณ ที่แห่งนี้ จุดจอดรถนอดอาจจะเสียวหน่อยครับ เพราะว่า เป็นหน้าผาที่มองลงไปจะเป็นทะเล แต่ไม่ต้องกลัวรถจะไหลลงไปนะครับ เนื่องจากมีไม้กั้นสำหรับให้รถจอดกันครับHellnar เป็นหมู่บ้านชาวประมงครับ แล้วทะเลที่เราเห็นไม่ได้เป็นทะเลธรรมดาๆนะครับ เป็นถึงมหาสมุทรแอตแลนติคเลยที่เดียว จุดจอดรถตรงนี้แหละครับที่จะทำให้เราได้เห็นแสงเหนือแบบไม่ต้องไปตามล่าที่ไหน เพราะไม่มีแสงไฟจากในเมืองรบกวน และเป็นจุดที่เห็นได้ชัดมากๆเลยทีเดียว

Kirkjufell เช้ารุ่งขึ้นผมขับรถออกมาจาก Hellnar เพื่อมุ่งหน้าไปทางเหนือเพื่อไปยังภูเขาทรงรูปหมวกพ่อมด สถานที่แห่งนี้ เป็นหนึ่งในจุดไฮไลท์ที่มีชื่อเสียงและเป็นเป้าหมายของนักเดินทาง น้ำตกที่เห็นมีชื่อเดียวกับภูเขาเลย คือ Kirkjufellsfoss เราสามารถเดินมาทางฝั่งน้ำตก เพื่อถ่ายรูปให้เห็นวิวทั้งน้ำตกและภูเขาด้วยเลยทีเดียวครับ หากมีเวลาหน่อย ก็เดินไปฝั่งภูเขาบ้าง จะเห็นคาบสมุทรแอตแลนติคด้วยครับ

Godafoss น้ำตกแห่งนี้ ขึ้นชื่อว่าเป็นน้ำตกแห่งพระเจ้า มีความสูง 12 เมตร และกว้าง 30 เมตร สายน้ำตกโค้งเป็นครึ่งวงกลมและไหลตกลงมายังแอ่งตรงกลาง สีของน้ำตกเป็นสีฟ้าขุ่นๆ การเดินทางมายังสถานที่แห่งนี้ หากมุ่งหน้ามาจาก Kirkjufell แค่ขับมาตามถนนที่มุ่งหน้ามาทางหน้า จะเห็นป้ายน้ำแห่งนี้อยู่ทางขวามือ ทางเข้าและนำ้ตกเห็นชัดเจนจากถนนหลักครับ

Hvitserkur เป็นหินรูปทรงไดโนเสาร์ที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ หินที่เห็นนี้คือหินบะซอลต์ หรือหินภูเขาไฟลาวา แล้วเกิดจากการกัดเซาะของลมจนกลายเป็นรูปทรงไดโนเสาร์กำลังก้มดูดน้ำทะเลอย่างน่าเหลือเชื่อ ปัจจุบันทางการได้เอาคอนกรีตมาเสริมฐานของหินไดโนเสาร์ เพื่อป้องกันการกัดเซาะของน้ำทะเลครับ และในช่วงฤดูหนาว สถานที่แห่งนี้อาจจะเข้ายาก หรือไม่สามารถเข้าได้เลย เพราะทางเข้าจะท่วมไปด้วยกองหิมะตลอดเส้นทางครับ

Dettifoss ตั้งอยู่ที่แม่น้ำ Jökulsá á Fjöllum ซึ่งเป็นสายน้ำที่ไหลมาจากธารน้ำแข็ง Vatnajökull glacier น้ำตกแห่งนี้มีความเด่นที่ความกว้างของผืนน้ำตกที่กว้างถึง 100 เมตร และมีความสูงประมาณ 45 เมตร โดยความกว้างของน้ำตกแห่งนี้ ทำให้การไหลตกของน้ำตกเป็นการไหลตามแนวแคนย่อน ซึ่งเรียกแคนย่อนนี้ว่า Jökulsárgljúfur canyon และน้ำตกนี้เองถือเป็นน้ำตกที่ใหญ่ที่สุดในไอซ์แลนด์

Selfoss ถัดจากน้ำตก Dettifoss ก็สามารถเดินมาน้ำตกอีกหนึ่งแห่ง เป็นน้ำตกที่ไหลลงไปสู่น้ำตก Dettifoss เช่นกัน นั่นคือน้ำตก Sellfoss น้ำตกแห่งนี้ก็เกิดจากการละลายของน้ำแข็งจากธารน้ำแข็ง Vatnajökull glacier เช่นกัน น้ำตกแห่งนี้ ถูกขนานนามว่าเป็นน้ำตก “น้องสาว” ในขณะที่น้ำตก Dettifoss ถูกขนานนามให้เป็นน้ำตก “พี่ชาย” แต่ความสวยงามของน้ำตกทั้งสองแห่งไม่แพ้กันเลยครับ

Hverfjall ปล่องภูเขาไฟขนาดใหญ่ที่ดับแล้ว ภูเขาไฟแห่งนี้เกิดการระเบิดมาแล้วเกือบหกสิบปี และรัศมีที่เห็นนี้ มีเส้นผ่าศูนย์กลางที่กว้างถึง 1 กิโลเมตรเลยทีเดียว กล้องถ่ายรุปหากเลนส์ไม่ Wide จริง อาจจะเก็บปล่องภูเขาไฟได้ไม่เต็มวง เราสามารถปีนขึ้นไปชมปากปล่องภูเขาไฟแห่งนี้ได้จากสองทาง คือ จากทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ และทิศใต้

Hverir เป็นลานขนาดใหญ่ที่ถูกปลดปล่อยความร้อนมาจากใต้ภิภพ หากใครอยากสัมผัสถึงความร้อนของไอซ์แลนด์ก็ให้มาที่แห่งนี้ครับ ที่แห่งนี้เป็นคำตอบให้ทุกคนได้เป็นอย่างดีว่าทำไมไอซ์แลนด์ถึงได้รับการขนานนามว่า เป็น The Land of Fire and Ice แต่ละหลุ่มหรือแต่ละบ่อ พลังงานความร้อนที่พวยพุ่งออกมานั้นจะมีความแรงไม่เท่ากัน บ่อที่แรงสุดๆจะมีความยาวของควันหรือไอความร้อนเกือบห้าร้อยเมตรเลยทีเดียว

Jokulsarlon เป็นทะเลสาปน้ำแข็งที่ใหญ่ที่สุดในไอซ์แลนด์ ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่อุทยานแห่งชาติ Vatnajökull National Park น้ำแข็งที่หลุดออกจามาภูเขาน้ำแข็งจะลอยออกมาตามการไหลของธารในทะเลสาปและออกไปสู่มหาสมุทรแอนแลนติค และค่อยๆละลายไปในที่สุด ที่ทะเลสาปก้อนน้ำแข็งแห่งนี้ ยังมีแมวน้ำจำนวนมากมายออกมาเล่นก้อนน้ำแข็งกระโดดไปมา โชว์ความน่ารักๆให้นักเดินทางได้ชมอีกด้วยนะครับ

Glacier Mountain เป็นกิจกรรมการเดินบนภูเขาน้ำแข็งที่มีอายุมากกว่า 2,000 ปี เป็นภูเขาน้ำแข็งที่มีความยิ่งใหญ่อลังการมากๆ ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ของอุทยานแห่งชาติ Vatnajökull National Park โดยการปีนภูเขาน้ำแข็ง จะมีราคาเริ่มต้นที่ห้านพันกว่าบาทไปจนถึงหมื่นกว่าบาท ขึ้นอยู่ที่ว่าเราจะเลือกออปชั่นไหน เช่น เดินบนภูเขาน้ำแข็งอย่างเดียว หรือเดินไปชมถ้ำน้ำแข็งด้วย จะเดินแบบครึ่งวัน หรือเต็มวันก็สามารถเลือกได้เช่นกัน ก่อนเดินทางไปถึง ควรจองทัวร์เดินบนภูเขาน้ำแข็ง หรือชมถ้ำน้ำแข็งก่อนนะครับ เพราะในแต่ละวัน จะจำกัดจำนวนคนขึ้นและเข้าชมครับ ตามลิงค์นี้ครับ http://www.glacierguides.is

Glacier Cave ถ้ำน้ำแข็งที่ไอซ์แลนด์ ได้รับการยกย่องให้เป็น The Must to visit ของคนทั่วโลกครับ เพราะถ้ำน้ำแข็งที่นี่ มีอายุมากกว่าสองพันปีเช่นเดียวกับภูเขาน้ำแข็ง การจะมีที่นี่ได้ก็ต้องเดินมาจากบนภูเขาน้ำแข็งเสียก่อนครับ การจองกิจกรรมเข้าชมถ้ำน้ำแข็งให้ดูจากลิงค์ด้านบนได้เลยครับ แต่ขอบอกไว้ก่อนว่า บางถ้ำไม่ได้เปิดให้ชมตลอดทั้งปีนะครับ ก่อนเดินทางควรศึกษา และสอบถามก่อนนะครับ

Mossy Area ดินแดนแห่งมอสจะสามารถเห็นได้ทั่วไอซ์แลนด์ แต่ที่สวยงามที่สุด ผมว่าจะเป็นดินแดนที่พบเห็นระหว่างทางจาก Jokulsarlon ไปยังเมือง Vik เพราะจะพบเห็นมอสเกาะคลุมอยู่ตามก้อนหินลาวาน้อยใหญ่ จนนักเดินทางหลายคนมีความเชื่อว่า หากเรียงก้อนหินจากใหญ่ตั้งขึ้นไปจนก้อนเล็กสุด ให้มีลักษณสามเหลี่ยม จะมีโชคมีลาภ จนพื้นที่ที่ผมเห็นแทบจะหาพื้นที่วางก้อนหินไม่ได้ อีกทั้งก้อนหินเกือบทุกก้อนถูกเอามาตั้งวางขอโชคขอลาภกันเกือบหมด ดินแดนแห่งนี้เลยกลายเป็นความอัศจรรย์ทางธรรมชาติที่มนุษย์ไปตกแต่งให้สวยงามตามความเชื่ออีกแห่งหนึ่งครับ

Skogafoss เป็นน้ำตกที่ผมชื่อชอบที่สุดในไอซ์แลนด์ น้ำตกมีความกว้าง 25 เมตร และสายนำ้ตกไหลตกลงมาที่ความสูงถึงระดับ 60 เมตรเลยทีเดียว จุดเด่นที่ทำให้ผมประทับใจสุดๆคือ ขึ้นบันได ไปยืนตรงชะง่อนผาริมยอดน้ำตก ใครได้ไปที่แห่งนี้ ลองขึ้นไปยืนตรงชะง่อนผาสัมผัสไอน้ำตกและไอหมอกดู จะฟินส์มากครับ

Seljalandsfoss ถูกขนานนามให้เป็นหนึ่งในน้ำตกที่ดีที่สุดในไอซ์แลนด์ น้ำที่ตกลงมาจากยอดลงสู่พื้น มีความสูงถึง 60 เมตร จุดเด่นของน้ำตกนี้ คือ นักเดินทางสามารถเดินลอดไปหลังม่านน้ำตกได้ แต่ควรต้องเอาเสื้อกันฝนได้ด้วยนะครับ ไม่งั้นออกมาเปียกแน่นอน เพราะไอน้ำตกที่กระจายนั้น แรงไม่เบาครับ

Kerio ปากปล่องภูเขาไฟขนาดกลางที่ดับแล้ว จุดเด่นคือมีทะเลสาปเล็กๆอยู่ในกลางปากปล่องภูเขาไฟ ในฤดูร้อนสีของทะเลสาปจะเป็นสีฟ้าใส และในฤดูหนาวทะเลสาปแห่งนี้จะกลายเป็นน้ำแข็งที่ถูกเรียกว่าเป็นกระจกบานใหญ่แห่ง Kerio เราสามารถเดินชมรอบๆปากปล่องภูเขาไป และสามารถเดินลงไปข้างล่างจนถึงริมทะเลสาปได้อีกด้วย บางมุมของปากปล่องภูเขาไฟจะเห็นเป็นรูปวงกลม แต่จริงๆแล้วเป็นรูปทรงไข่นะครับ เพราะขนาดความกว้างไม่เท่ากัน นั่นคือ ปากปล่องภูเขาไฟ มีความกว้าง 170 เมตร และ 270 เมตรตัดกันเป็นรูปวงรี แต่ความลึกนั้น ลึกถึง 55 เมตรเลยทีเดียว

Gullfoss เป็นน้ำตกที่มีชื่อเสียงที่สุดในไอซ์แลนด์ เพราะการไหลของน้ำตกเป็นรูปทรงกรวยสามเหลี่ยมแปลกตา และเป็นการไหลลงให้เห็นเป็นสองช่วง ที่นี่จึงได้รับการสมญานามว่าเป็นน้ำตกไนแองการ่าแห่งไอซ์แลนด์ ที่นี่มีบันไดให้เดินขึ้นไปชมน้ำตกหลายขั้นหลายช่วง หากใครมีเวลา แนะนำให้เดินให้ครบทุกช่วงนะครับ สวยงามและอลังการมากครับ

Geysir บ่อน้ำพุร้อนที่สูงที่สุดในไอซ์แลนด์ ตั้งอยู่ในทิศตะวันออกเฉียงใต้ น้ำพุแห่งนี้เคยมีสถติพุ่งสูงสุดถึง 80 เมตรเลยทีเดียว

Pingvellir สถานที่แห่งนี้เป็นอุทยานแห่งชาติแห่งแรกของไอซ์แลนด์ และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกอีกด้วย ดินแดนแห่งนี้เป็นรอยแยกที่เชื่อมระหว่างทวีปอเมริกาและยุโรปอีกด้วยครับ

Blue Lagoon เชื่อได้ว่า หากใครได้เดินทางมาเยือนไอซ์แลนด์ จะต้องไม่พลาดการได้มาแช่บ่อน้ำร้อนที่ใหญ่ที่สุดในโลกแห่งนี้แน่นอนครับ นอกจากนี้ Blue Lagoon ยังถือเป็นหนึ่งใน 25 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกอีกด้วย ราคาค่าเข้าเริ่มต้นที่ 40 ยูโร ภายในมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันเลยครับ แค่เราเอาชุดว่ายน้ำไปแค่นั้น หรือบางคนจะใส่เสื้อยืดกางเกงขาสั้นก็ลงได้ครับ ส่วนผ้าเช็ดตัว และยาสระผม ครีมอาบน้ำ ข้างในเขามีให้ครบ แนะนำว่าให้ใช้ของ Blue Lagoon แล้วจะติดใจครับ ก่อนไปจองบัตรเข้าล่วงหน้าบนเว็บไซต์ http://www.bluelagoon.com จะถูกกว่าไปซื้อที่ Blue Lagoon ครับ
Kommentare