top of page

Highland ดินแดนดาวอังคารบนโลกใบนี้

  • Roamer Packe
  • Nov 5, 2017
  • 1 min read

ประเทศไอซ์แลนด์ ไม่ได้มีแค่ถนนทางหลวงหมายเลข 1 ที่ให้นักเดินทางขับรถเที่ยวชมทัศนียภาพอัศมหัศจรรย์รอบวงแหวนของประเทศเพียงเท่านั้น แต่ยังมีอีกหนึ่งดินแดนที่แอดมินเพิ่งได้ไปเยือนมา และเป็นดินแดนที่น่าตื่นตาตื่นใจกว่าดินแดนที่อยู่บนเส้นถนนวงแหวนรอบประเทศเสียอีกด้วย เพียงแค่คุณเพิ่มเส้นทางถนนหลวงหมายเลข 26 บางส่วนก่อนที่จะตัดเข้าสู่ถนนที่เป็นดั่งพื้นผิวของดวงจันทร์ มุ่งหน้าสู่ดินแดนลึกลับที่เรียกกันว่า "Highland" ดินแดนดาวอังคารบนโลกมนุษย์ แห่งประเทศไอซ์แลนด์

เมื่อเดือนตุลาคม 2560 ที่ผ่านมา แอดมินและสมาชิกในทริป ได้ไปเยือนประเทศไอซ์แลนด์โดยแพลนขับรถเที่ยวรอบประเทศ และเพิ่มอีกหนึ่งเส้นทางเข้าไปคือไฮแลนด์ เส้นทางนี้ มีหลากหลายวิธีการเดินทางให้เลือก ไม่ว่าจะเป็นการขับรถเข้าไปเอง แต่คุณจะต้องมั่นใจฝีมือในการขับรถเพราะถนนที่นี่เขาเปรียบให้เป็นพื้นผิวของดวงจันทร์และมีบางเส้นทางที่ชัน และที่สำคัญเป็นเส้นทางที่ต้องขับรถข้ามฝ่าผืนลำธารหลายสาย นอกจากนี้ ยังมีบริษัทโลค่อลทัวร์ที่คุณสามารถค้นหาได้จากเว็บไซต์ แต่แนะนำว่าจะต้องจองล่วงหน้าไว้ก่อน เพราะมักจะเต็มเร็วและมีรถจำนวนจำกัดเท่านั้น ส่วนรถประจำทางไม่มีไปที่นี่ จะมีให้เห็นเห็นก็เฉพาะช่วงฤดูร้อน (มิถุนายน ถึง กันยายนของทุกปี) ที่บริษัททัวร์แห่งหนึ่งเขาจัดตารางการเดินรถบัสให้นักเดินทางเข้าไปดินแดนแห่งนี้กัน โดยเฉพาะฤดูร้อนจะคราคร่ำไปด้วยกลุ่มนักเดินเขาที่จะเข้าไปตั้งแคมป์และเดินเท้าเข้าไปยังใจกลางของดินแดนไฮแลนด์






เนื่องจาก ฤดูที่ผมไปเป็นช่วงเริ่มเข้าฤดูหนาวแล้ว แพลนการเดินทางก็เพียงแค่ได้เข้าไปชื่นชมเส้นทางและดินแดนไฮแลนด์ในส่วนที่เรียกว่า "Landmannalaugar" และไปแช่น้ำอุ่นจากบ่อธรรมชาติกันที่นี่ ใช้เวลาเดินทางไปกลับ 1 วัน (One day tour) แต่สัญญากับตัวเองว่า ปีหน้า จะเดินทางมายังดินแดนแห่งนี้ในฤดูร้อน เพื่อมาเดินเขาและตั้งแคมป์กันกับเพื่อนๆอย่างแน่นอน

มารู้จักกับดินแดนไฮแลนด์กันก่อนครับ

"Highland"คือที่ราบสูงขนาดใหญ่ที่สุดในยุโรป เป็นถิ่นกำเนิดภูเขาไฟโบราณของโลก ระหว่างเส้นทางจะเห็นอารยธรรมของเถ้าถ่านภูเขาไฟจำนวนมากที่เกิดขึ้นในยุคก่อน ทำให้ภูเขา ถนน สายน้ำ และผืนแผ่นดินแห่งนี้ มีสีเขียว ดำ และแดง วาดลวดลายอย่างสวยงามตระการตา ไฮแลนด์ยังคงมีพลังงานดิบที่แอบแฝงไว้ใต้พิภพอีกมากมายมหาศาล และที่ถูกค้นพบแล้วก็มีจำนวนอีกมากมาย

นอกจากดินแดนแห่งนี้จะเป็นดินแดนแห่งภูเขาไฟโบราณแล้ว ดินแดนแห่งนี้ยังเคยเป็นดินแดนแห่งน้ำแข็งเป็นส่วนใหญ่ในยุคก่อนที่น้ำแข็งจะละลายอีกด้วย พอน้ำแข็งละลาย ก็ยิ่งเปิดพื้นที่ไฮแลนด์ให้กว้างขึ้นและเผยให้เห็นโฉมหน้าตาของไฮแลนด์ที่สุดมหัศจรรย์อย่างเต็มๆ ดังนั้น จึงไม่แปลกที่ฤดูร้อนจะมีนักเดินเขาจำนวนมาก ไปตั้งแคมป์และเดินทางเข้าไปยังใจกลางของไฮแลนด์เพื่อเข้าไปแสวงหาความตื่นตาตื่นใจและความอลังการในฉบับที่ต้องเดินทางด้วยเท้าเท่านั้น ที่ต้องเดินเท้าเข้าไปก็เพราะว่า รถไม่สามารถเข้าไปถึงนั่นเอง


ใช้เวลาเดินทางจากตัวเมืองหลวงมายังดินแดนไฮแลนด์ประมาณ 3-4 ชั่วโมง แต่สำหรับผมนานกว่านั้น เพราะว่าระหว่างทางมีที่สวยงามให้แวะถ่ายรูปกันเยอะมาก


แคมป์ที่เห็นนี้ เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของนักเดินเท้า หากเป็นในฤดูร้อน จะเห็นว่าลานหน้าแคมป์ จะเนืองแน่นไปด้วยเต้นท์ที่นักเดินเท้ามากางค้างคืนก่อนที่จะเดินเท้าเข้าไปในในกลางไฮแลนด์ แล้วก็จะหายตัวเข้าไปประมาณ 5 ถึง 7 วันเลยทีเดียว บางคนก็เดินไปออกอีกเส้นทางหนึ่งได้ด้วยเช่นกัน ในวันที่ผมเดินทางไปถึง ไม่ค่อยมีนักเดินทางสักเท่าไหร่ ที่เห็นก็จะมีแต่เจ้าหน้าที่อุทยานที่เข้าไปสำรวจพื้นที่และดูแลพื้นที่เท่านั้น ก็เพราะว่าช่วงนี้เป็นช่วงต้นฤดูหนาว สิ้นสุดฤดูการเดินเท้าของนักเดินทางทั้งหลายนั่นเอง

จากตัวแคมป์ มีป้ายบอกทางให้เห็นถึงจุดหมายปลายทางข้างหน้า ให้นักเดินทางได้เตรียมตัวเตรียมใจว่าจะใช้เวลาสักกี่วันดีที่จะเดินทางในแต่ละเส้นทาง

ส่วนในวันนี้ ผมไม่สามารถเดินเขา (Trekking, Hiking) เข้าไปใจกลางดินแดนไฮแลนด์ เนื่องจากช่วงที่มานี้ สิ้นสุดฤดูการเดินเขาแล้ว เจ้าหน้าที่อุทยานได้แต่อนุญาตให้เข้าไปชมเพียงจุดชมวิวประมาณไม่เกิน 5 กิโลเมตรเท่านั้น หากไปไกลกว่านี้จะเป็นอันตรายเนื่องจากในช่วงฤดูหนาวใจกลางไฮแลนด์ สภาพดินฟ้าอากาศแปรปรวนเป็นอย่างมาก แต่ผมกับสมาชิกในทริปได้เดินทางเข้าไปชมวิวแค่นั้นก็สตั๊นกับความสวยงามไปหลายวินาทีเลยทีเดียว ต้องบอกว่า ภูเขาหลายลูกเรียงซ้อนกันดั่งภาพวาด ซึ่งธรรมชาติได้บรรจงวาดลงผืนแผ่นดินแห่งนี้ได้อย่างสวยงาม เถ้าถ่านของผู้เขาไฟที่เคยปะทุ แร่ธาตุที่ผลักตัวขึ้นมาบนผืนดิน ควันจากกำมะถันใต้ดิน ช่วยการสร้างสีสรรคให้ภูเขาหลายลูกมีลวดลายที่เด่นชัดอลังการยิ่งขึ้น ต้องมาเห็นกับตา จะได้วิวแบบ 360 องศาแน่นอน ทางเดินขึ้นไปยังจุดชมวิวไม่ชันมาก เจ้าหน้าที่เขาทำทางเดินไว้ให้เรียบร้อยแล้ว

ยิ่งเห็นภาพนี้แล้ว มันยิ่งก่อให้เกิดความรู้สึกว่า มันช่างน่าค้นหาเสียเหลือเกินว่าภายในใจกลางไฮแลนด์มันจะสวยงามอลังการขนาดไหน

จากจุดตรงนี้ แลเห็นร่องหุบเขาและทางเดินสำหรับการเดินเขา

หากใครเคยดูซีรีย์เรื่อง Game of Throne จะเห็นว่าอาวุธหรือมีดศักดิ์สิทธิ์ที่ใช้ฆ่า White Walker นั้นทำมาจากหินออปซีเดียน (Obsidian) ซึ่งเป็นหินภูเขาไฟยุคโบราณที่หายากมากเลยทีเดียว แต่เราสามารถค้นพบได้จากที่ดินแดนไฮแลนด์แห่งนี้

ปิดท้ายของการเดินทางมายังดินแดนไฮแลนด์นี้ด้วยการแช่น้ำอุ่นที่มีแร่ธาตุจากธรรมชาติ

มาที่นี่แล้ว แนะนำเลยว่า ต้องไม่พลาด มันฟินส์มาก

ทางไปบ่น้ำร้อน ก็เดินตามทางเดินไม้ที่เห็นนี้ อยู่ห่างจากตัวแคมป์ไม่ไกลมาก

ระหว่างทางกลับ เราก็ยังมีเวลาพอที่จะแวะถ่ายรูปกับธรรมชาติที่สวยงามอยู่บ้าง

เป็นอย่างไรกันบ้างครับ ดินแดนไฮแลนด์อันเป็นดินแดนของถิ่นกราเซียน้ำแข็งและภูเขาไฟยุคโบราณ สวยงามขนาดไหนครับ

ผมมีแพลนจะกลับไปยังดินแดนแห่งนี้ในเดือนมิถุนายน 2561 เพื่อ Hiking เข้าไปยังใจกลางของไฮแลนด์ แล้วเราจะได้พบกับกราเซียน้ำแข็ง น้ำตก ภูเขา และภูเขาไฟ เพื่อให้ได้เห็นพลังชีวิตของธรรมชาติอย่างแท้จริง แล้วจะเอามารีวิวต่อไปครับ

How to get there?

  • เดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวหรือรถที่เช่ามา แต่รถที่จะสามารถผ่านเส้นทางนี้ได้จะต้องเป็น Off Road หรือ 4X4 เท่านั้น เส้นทางนี้ เจ้าหน้าที่ไม่อนุญาตให้รถเล็กผ่านได้เลย อาจจะถูกสกัดด้วยความชันและธารน้ำเล็กๆตั้งแต่ต้นทางก่อนเจ้าหน้าที่จะมาเห็นเสียด้วยซ้ำ

ในวันเดินทางนี้ ผมเจอกับรถกระบะของนักเดินทางชาวฮอลแลนด์สองพ่อสูก ที่กำลังประสบปัญหารถติดหล่มอยู่พอดี ซึ่งอีกไปกี่นาทีพระอาทิตย์ก็ตกดินแล้วด้วย คนขับรถคันของผม รวมทั้งผมและเพื่อนๆก็ได้เข้าไปช่วยเหลือรถคันนี้ ดีนะที่รถคันผมใหญ่กว่าหลายเท่า เลยมีแรงลากขึ้นจากหล่มที่ติดอยู่ตรงนั้นได้ ระหว่างทางเราจะเจอหลุมและบ่อน้ำแบบนี้จำนวนมาก

  • หากคุณไม่คุ้นชินเส้นทางออฟโร้ดแบบนี้ แนะนำให้เหมารถจากบริษัททัวร์หรือโลค่อลไกด์พร้อมคนขับรถจะดีที่สุด แล้วคุณจะได้นั่งรถขนาดยักษ์ใหญ่ที่เรียกว่า Super Jeep มาลุยในดินแดนแห่งนี้ บอกได้คำเดียวว่า "มันส์มาก" ซึ่ง One day trip นี้ ผมก็เหมารถ Super Jeep พร้อมคนขับที่มีความชำนาญมาทำหน้าที่ขับรถให้ผมและสมาชิกในทริปสักวัน มันก็ดีเหมือนกันนะครับ เพราะที่ผ่านมาผมก็ขับรถรอบประเทศมาสิบกว่าวันแล้ว วันนี้ ขอพักการขับรถสักวันนึง

  • เฉพาะในช่วงฤดูร้อน ซึ่งเป็นฤดูของการเดินเขา ไม่ว่าจะเป็นการ Trekking หรือ Hikking คุณสามารถใช้บริการรถบัสจากบริษัททัวร์แห่งหนึ่ง ซึ่งเขาได้จัดเตรียมมาเพื่อให้นักเดินทางเดินทางโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายมาก ราคาอยู่ที่ 3,000 บาท ต่อ 1 เที่ยว สนใจให้จองในเว็บไซต์นี้ล่วงหน้าได้เลยครับ https://www.nat.is/bus-schedules-reykjavik-landmannalaugar/

แผนที่การเดินทาง

Map capture from www.google.co.th/maps

Comentários


You Might Also Like:
21
11
4
5
3
About Me

ปัจจุบันออกมาทำฟรีแลนซ์ด้านกฎหมาย ดูแลเกี่ยวกับสัญญา Content และ Application และทำงานในสิ่งที่ตัวเองชอบจริงๆ คือ การถ่ายภาพ การนำเที่ยวแบบอิสระ ซึ่งทริปแต่ละทริปจะไปแบบแบ็คแพ็ค หรือกึ่งแบ็คแพ็ค และเป็นทริปส่วนตัวเฮฮาสนุกสนานจริงๆครับ

 

Read More

 

Join my mailing list

Email

Search by Tags
bottom of page